อาณาจักรมอเนอราอาณาจักร(Kingdom Monera)
1. เป็นพวกโพรแคริโอต (Prokaryote) คือ ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส หุ้มสารพันธุกรรม ไม่มีออร์แกเนลล์
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
Methanobacterium
2. Eubacteria ป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโดเมน Bacteria (Eubacteria) มีผนังเซลล์ที่เป็นเปปทิโดไกลแคน (Peptidoglycan) ยกเว้น Mycoplasma แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม (ตามลักษณะการย้อมติดสี)
2.1) ยูแบคทีเรียแกรมบวก (Gram-Positive Eubacteria) ย้อมติดสีม่วงของคริสตัลไวโอเลต (Crystal Violet) พบทั่วไปทั้งในดินและในอากาศ สร้างเอนโดสปอร์ในสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม ทำให้ทนความร้อน ทนความแห้งแล้ง ทนสารเคมี เช่น Bacillus anthracis ทำให้เกิดโรคแอนแทรกซ์ Bacillus Cereus ทำให้อาหารเป็นพิษ
Bacillus Cereus
Streptococci Mycoplasma
Purple sulfur bacteria
Rhizobium sp.
1. เป็นพวกโพรแคริโอต (Prokaryote) คือ ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส หุ้มสารพันธุกรรม ไม่มีออร์แกเนลล์
ที่มีเมมเบรนหุ้ม
2. เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็กมากๆ
3. มีรูปร่างหลากหลาย ได้แก่ ทรงกลม (coccus) ทรงท่อน (bacillus) ทรงเกลียว (spirillum)
4. มีทั้งที่เป็นผู้ผลิต (autotroph) ผู้บริโภค (consumer) และผู้ย่อยสลาย (decomposer)
5. มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีหรือเมแทบอลิซึม (metabolism) ในร่างกายสูงมาก
1. Archaebacteria เป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโดเมน Archea สามารถอยู่ในบริเวณที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1.1) Euryarchaeota (ยูริอาร์คิโอตา) เป็นกลุ่มอาเคียที่พบในที่ที่มีสิ่งแวดล้อมรุนแรง ชอบความเค็ม (extreme halophile)และสร้างมีเทน (methanogen)Methanobacterium
1.2) Crenarchaeota (ครีนาร์เคียโอตา) ชอบอุณหภูมิสูง (extreme thermophile) ส่วนใหญ่มักอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียสและชอบความเป็นกรดจัด (pH 1-2) พบในบริเวณภูเขาไฟใต้ทะเลลึก มีบทบาทสำคัญในการตรึงคาร์บอนในระบบนิเวศบกและระบบนิเวศน้ำ
2. Eubacteria ป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโดเมน Bacteria (Eubacteria) มีผนังเซลล์ที่เป็นเปปทิโดไกลแคน (Peptidoglycan) ยกเว้น Mycoplasma แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม (ตามลักษณะการย้อมติดสี)
2.1) ยูแบคทีเรียแกรมบวก (Gram-Positive Eubacteria) ย้อมติดสีม่วงของคริสตัลไวโอเลต (Crystal Violet) พบทั่วไปทั้งในดินและในอากาศ สร้างเอนโดสปอร์ในสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม ทำให้ทนความร้อน ทนความแห้งแล้ง ทนสารเคมี เช่น Bacillus anthracis ทำให้เกิดโรคแอนแทรกซ์ Bacillus Cereus ทำให้อาหารเป็นพิษ
Bacillus Cereus
- กลุ่ม Actinomyces บางชนิดนำไปทำยาปฏิชีวนะ เช่น Streptomyces ทำยา streptomycin รักษาวัณโรค
- กลุ่ม Lactic Acid Bacteria สามารถหมักน้ำตาลและผลิตกรดแลคติก เช่น Lactobacillus
ทำโยเกิร์ต นมเปรี้ยว
- Streptococci แบคทีเรียมักทำให้เจ็บคอ
- Mycoplasma มีขนาดเล็กที่สุด ไม่มีผนังเซลล์ บางชนิดไม่มีอันตราย บางชนิดอาจเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคปอดบวมในมนุษย์และวัว
- Staphylococcus aureus ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังเมื่อเกิดบาดแผล
Streptococci Mycoplasma
2.2) ยูแบคทีเรียแกรมลบ (Gram-Negative Eubacteria) ย้อมติดสีแดงของซาฟรานิน (Safranin) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
(1) Proteobacteria พบมากที่สุด - มีความหลากหลายสูงมาก - มีการดำรงชีวิตหลากหลาย สังเคราะห์ด้วยแสงเหมือนพืชสังเคราะห์ด้วยแสงแล้วได้ออกเป็นซัลเฟอร์(Sulfur/กำมะถัน)ได้แก่ purple sulfur bacteria
Purple sulfur bacteria
- ช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศ เพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของพืช เช่น Rhizobium sp.ในปมรากพืชตระกูลถั่ว (Legume Nodule)
Rhizobium sp.
(2) Chlamydia เป็นปรสิตในเซลล์ สัตว์ที่เป็นโฮสต์เท่านั้น ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น - Chlamydia trachomatis ทำให้เกิดโรคหนองในเทียม
(3) Spirochetes - รูปร่างเป็นเกลียว - ดำรงชีวิตแบบ heterotroph เช่น Treponema pallidum ทำให้เกิดโรคซิฟิลิส
(4) Cyanobacteria (Blue-Green Algae: สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน) เป็นผู้ผลิตสำคัญ (photoautotroph) - สังเคราะห์ด้วยแสงได้ แม้ไม่มีคลอโรพลาสต์ - มีสารสีต่างๆแทน เช่น
คลอโรฟิล เอ, แคโรทีนอยด์ - พบตามแหล่งน้้ำจืดมากกว่าน้ำเค็ม โดยเฉพาะบ่อน้ำร้อน
บางชนิดมีโปรตีนสูงมาก เช่น สาหร่ายเกลียวทอง หรือ สาหร่ายสไปรูลีน่า (Spirulina)
บางชนิดช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศให้อยู่ในรูปที่พืชนำไปใช้ได้ โดยมีเซลล์พิเศษ
เรียกว่า “Heterocyst” เช่น Anabaena ในแหนแดง Nostoc ในปรงและไลเคนส์ Oscillatoria
Anabaena Nostoc Oscillatoria
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น